วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

การใช้งานอุปกรณ์ Knockdown (Video)

เกือกม้า


เกือกม้า


ตัวหนอนมีปีก

แนะนำ "ตัวหนอน" และ สาธิตการใช้งาน (By Nohn PunaPong)

วันอังคารที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2560

PU Foam

สืบเนื่องมาจากไม่มีความรู้เรื่อง Foam เลย , ได้รับเงื่อนไขให้ผลิตโซฟาที่ใช้ HDF Foam และ ก็ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร จึงเริ่มหาข้อมูล
สรุปว่าสิ่งที่ต้องการน่าจะหมายถึง High Density (PU-Polyurethane) Foam หรือ ฟองน้ำสังเคราะห์ที่มีความหนาแน่นสูงๆ

PU Foam คือ อะไร

สาคเคมีชนิดหนึ่งที่มีลักษณะของเนื้อโพลิเมอร์ ความหนาแน่นต่ำ
ผลิตจากโพลิอีเทอร์ (Polyether) และ ไดไอโซไซยาเนต (Di-Isocyanate) โดยมีน้ำและแคตทาลิสต์ (ตัวเร่งปฏิกิริยา) เช่น แอมีน และ ออร์แกโนทิน ทำให้มีแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เกิดขึ้นและแทรกอยู่ในเนื้อของโพลิเมอร์ระหว่างโพลิเมอไรเซชัน บางครั้งใช้แก๊ส หรือ วัสดุระเหยง่ายชนิดอื่นเป็นโบลว์วิ่งเอเจรต์ (Blowing Agent) แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ Flexible Foam และ Rigid Foam 

Flexible P.U. Foam
เป็น PU Foam ชนิดนิ่มที่สามารถคืนตัวได้ คือ สามารถกลับสภาพเดิมได้เมื่อเกิดแรงกดทับหรือกระทำให้ผิดรูปร่าง โดยผลิตจากโพลิออกซิโพรพิลีนไดออล
มีน้ำหนักเบา และ สามารถขึ้นรูปได้ในระหว่างที่โฟมกำลังอยู่ในกระบวนการเซ็ตตัว
หากเซ็ตตัวขึ้นรูปไปแล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบได้อีก หรือ ถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงจากการกระทำต่างๆเช่น การกดทับ บีบ กระแทก ก็จะคืนตัวสู่สภาพเดิม โดยทั่วไปนิยมนำไปใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ เบาะรองนั่ง เก้าอี้นวม ไปจนถึงเบาะรองนอนที่นอน

Rigid Foam
เป็น PU Foam ชนิดแข็ง ซึ่งผลิตได้จากโพลิอีเทอร์ที่ได้จาก ซอร์บิทอล เมทิลกลูโคไซด์ หรือ ซูโครส ทำให้มีดีกรีของการครอสลิงสูง Rigid Foam จึงมีความแข็งแรงมากกว่า Flexible Foam ในแง่ของโครงสร้าง มีความต้านทานต่อแรงกดดันสูง จึงใช้ทำโครงสร้างของส่วนที่ต้องการน้ำหนักเบา เช่น บริเวณลำตัวของเครื่องบิน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการนำความร้อนต่ำ จึงนิยมใช้สำหรับการเป็นฉนวนกันความร้อน

เปรียบเทียบโพลียูรีเทนกับวัสดุอื่นๆ เช่น ยาง พลาสติก

-ความแข็ง จะอยู่ในช่วงกว้าง สามารถผลิตได้หลากหลาย โดยจะให้นิ่มเหมือนยางลบหรือให้แข็งเหมือนลูกกอล์ฟก็สามาร
-ความทนต่อแรงขัด จะทนต่อแรงขัดได้ดี เมื่อเทียบกับ ยาง พลาสติก ลดปัญหาการสึกกร่อน
-ความทนต่อแรงดึง จะทนต่อแรงดึงได้ดี จะมีค่าเฉพาะที่ใช้ทดสอบอยู่ 3ลักษณะ คือ Elongation,Tensile Strength,Tear Strength ถ้าค่าผลทดสอบยิ่งสูง จะมีความเหนียวมาก
-ความยืดหยุ่น จะความยืดหยุ่นมากกว่า ยาง พลาสติก
-ความทนต่อการแตกร้าว จะทนต่อการงอซ้ำๆ ได้ดี แต่สำหรับ ยาง พลาสติก จะหักและเปราะง่ายกว่า
-ความร้อนที่รับได้ สามารถทนความร้อนได้สูงและไม่เกิดการรุกไหม้ อุณหภูมิโดยประมาณ 100-120องศา ส่วนใหญ่ใช้ในวงการรถยนต์และเฟอร์นิเจอร์
-ความทนต่อการแช่น้ำ จะทนต่อจากการแช่น้ำได้ดีกว่า ยางและพลาสติก
-ฉนวน จะมีคุณสมบัติการเป็นฉนวนได้ดีกว่า ยาง พลาสติก ส่วนใหญ่นำไปใช้ในงานเกี่ยวกับอุปกรณ์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์
-ความทนทานต่อสารเคมี จะความทนทานต่อการกัดกร่อนของสารเคมีอย่างกว้างขวาง ในขณะที่ ยาง พลาสติก จะมีความทนทานต่อสารเคมีเฉพาะบางประเภท
-ความทนต่อไฟ จะมีสารพิเศษที่มีคุณสมบัติในการขัดขวางเปลวไฟ ฟองน้ำจึงไม่ลามไฟ
-เชื้อรา แบคทีเรีย จะไม่ใช่วัสดุที่ช่วยในการก่อตัวของเชื้อรา จึงปลอดภัยต่อการทำไปใช้ในครัวเรือน
-เสียงและการสั่งสะเทือน จะสามารถใช้สำหรับกันเสียง และไปใช้ในงานป้องกันการสั่นสะเทือน ได้เป็นอย่างดี

ประวัติความเป็นมาของ PU Foam
โพลียูรีเทน (Polyurethane,PU)
  • จุดกำเนิดเกิดจากนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน ชือ Otto Bayer ชาวเยอรมันในปี 1937 ค้นพบ Flexible Foam ครั้งแรกในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และใช้ในทางการค้าในปี 1954 
  • สามารถสกัด สาร Toluene Di-Isocyanate(TDI) และ Polyester Polyols ที่เป็นสารตั้งต้น เพื่อใช้ทดแทนยางธรรมชาติ การผลิตกระดาษ การผลิตก๊าซมัสตาร์ด ผ้าที่มีความทนทาน เคลือบผิวเครื่องบิน เคลือบโลหะ ไม้ และอิฐ เพื่อป้องกันการกัดกร่อนและสารเคมี 
  • ในปี 1956  DuPont แนะนำสาร Polyether Polyols ซึ่งถูกกว่า, จัดการได้ง่าย และ ทนต่อน้ำมากกว่า Polyester Poyols
  • โพลียูรีเทนผลิตจากปฏิกิริยาของโพลีออลกับไดไอโซไซยาเนตหรือโพลีเมอริก ไอโซไซยาเนต โดยมีตัวเร่งปฏิกิริยาที่เหมาะสม 
  • โพลียูรีเทนส่วนใหญ่เป็นพลาสติกชนิดเทอร์โมเซ็ต คือ ไม่สามารถหลอมเหลวและขึ้นรูปใหม่ได้ ซึ่งผลิตออกมาหลายรูปแบบได้แก่ เป็นโฟมยืดหยุ่น โฟมแข็ง สารเคลือบป้องกันสารเคมี กาว สารผนึก และอีลาสโตเมอร์


การใช้งาน PU Foam
  • กลุ่มงานเฟอร์นิเจอร์ เช่น ที่นอน เบาะนั่ง หมอน โซฟา
  • กลุ่มลามิเนต (งานวัสดุเคลือบพื้นผิว) เช่น ฟองน้ำเคลือบผ้าใช้ในงานต่างๆ
  • กลุ่มยานยนต์ เช่น เบาะนั่ง ที่บังแดด โครงหลังคา ประตู และ ชิ้นส่วนเล็กภายในรถยนต์
  • กลุ่มอุปโภค เครื่องใช้ต่างๆ เช่น รองเท้า กระเป๋า ฟองน้ำล้างรถ ฟองน้ำล้างจาน ชุดชั้นในสตรี
  • กลุ่มบรรจุภัณฑ์ เช่น บรรจุภัณฑ์กันกระแทก ขึ้นรูปบรรจุภัณฑ์ต่างๆ บรรจุภัณฑ์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่เปราะบาง
  • กลุ่มอิเลคโทรนิคส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น หูฟัง ตลับหมึก เครื่องซักผ้า ลำโพง
คุณสมบัติที่สำคัญของ PU Foam

  • มีความยืดหยุ่นดี
  • มีน้ำหนักเบา
  • กันฉนวน
  • ดูดซับเสียง
  • ไม่ลามไฟ
  • แข็งแรง ทนทาน
  • รองรับน้ำหนักได้ดี



แหล่งที่มาของข้อมูล
http://www.chiaofuthai.com/
http://www.pufoaminsulation.com

วันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2560

การขัดด้วยกระดาษทราย

การขัดไม้ด้วยกระดาษทรายนั้น อยู่ใน เกือบจะทุกตอนของการทำงานไม้และการทำงานสี ซึ่งหน้าที่หลักๆก็คือ การทำให้พื้นผิวชิ้นงานมันเรียบ ปราศจากเสี้ยนไม้

ลำดับของการขัดไม้

การขัดหยาบ (Leveling) > การขัดเรียบ (Uniforming) > การขัดละเอียด (Polishing)

การขัดหยาบ (Leveling) - เพื่อกำจัดจุดบกพร่องบนพื้นผิว ที่อาจจะเกิดจากเครื่องจักร หรือ เครื่องมือ , ปรับระดับไม้ให้เสมอกัน โดยในขั้นตอนนี้ จะใช้กระดาษทรายที่มีลักษณะหยาบ โดยถ้าร่องรอยบนไม้หยาบมาก ให้ใช้เบอร์ 80 แล้วจึงตาม ด้วยเบอร์ 120 , แต่ถ้ารอยนิดๆหน่อยๆ อาจจะใช้เบอร์ 120 ทีเดียวเลยก็ได้ 

การขัดเรียบ (Uniforming) - เป็นการลดริ้วรอยที่เกิดจากงานขัดหยาบในขั้นตอนแรก สำหรับงานที่ไม่ต้องการความละเอียดมาก ให้ใช้เบอร์ 180 แล้วค่อยขัดต่อด้วยเบอร์ 240

การขัดละเอียด (Polishing) - เป็นการขัดพื้นผิวให้เรียบ จนมองไม่เห็นรอยกระดาษทรายด้วยตาเปล่า นอกจากนี้อาจจะมีขนหรือเสี้ยนไม้แบบละเอียดที่ขัดไม่ออกจากขั้นตอนที่แล้ว ก็จะถูกขัดออกในขั้นตอนนี้ ให้ใช้เบอร์ 240 หรือ 280

การขัดผิวที่เคลือบสี - ให้ขัดด้วยเบอร์ 320 , 360 หรือ 400 ให้ลูบเบาๆ โดยไม่ต้องออกแรงกด จะช่วยให้เม็ดฝุ่นหรืออะไรก็ตามที่เกาะบนผิวหลุดออก ทำให้เรียบลื่น และ ไม่ทำให้สีถลอก 

จุดสำคัญของการขัด : การขัดให้ขัดตามลำดับ อย่าข้ามเบอร์ เพราะจะยิ่งทำให้เสียเวลา และ เปลืองกระดาษทราย

กระดาษทรายที่กล่าวมาจะเป็นแบบที่มีเบอร์ หลักร้อย ถึง หลักพัน แต่จะมีกระดาษทรายขัดไม้อีกประเภท ที่จะระบุเป็นเลข 0-5 โดยตัวเลขน้อยหมายถึงกระดาษทรายละเอียด ซึ่งก็จะมีวิธีการใช้งานที่คล้ายคลึงกันโดยต้องเลือกความละเอียด/หยาบ ของกระดาษทรายให้เหมาะกับงาน


สนับสนุนบทความ เรื่องงานไม้ จากร้าน มูมู่เฟอร์นิเจอร์

การย้อมผิวเนื้อไม้

การย้อมผิวเนื้อไม้ เป็นการเปลี่ยนสีชิ้นงานเฟอร์นิเจอร์ของเราให้ตรงกับความต้องการ โดยชิ้นงานที่จะนำมาย้อม ต้องผ่านการขัดด้วยกระดาษเพื่อกำจัดเสี้ยน และให้ชิ้นงานเรียบลื่น เสียก่อน  (อ่านเพิ่ม เทคนิคการขัดชิ้นงานด้วยกระดาษทราย) หลังจากที่ขัดชิ้นงานจนเรียบแล้ว ใช้ผ้าถูดูความมันของไม้ว่ามีเพียงใด

เมื่อเสร็จจากการขัดเรียบร้อยแล้ว เราก็จะย้อมสีไม้ให้เป็นไปตามความต้องการของเรา ว่าต้องการให้ไม้มีสีอะไร

โดยการย้อมสีอาจจะใช้วิธีการ 3 วิธี ดังนี้
1. การย้อมสีโดยการใช้สีผสมกับแอลกอฮอลล์
2. การย้อมสีโดยการใช้น้ำมันผสม
3. การย้อมสีโดยการใช้น้ำธรรมดาผสม

สีที่จะใช้ย้อมอาจจะแบ่งได้ดังนี้

ก. สีย้อมที่เป็นเกล็ด เป็นสีย้อมผ้าต้องใช้เป็นสีชนิดดีไม่ตกได้โดยง่าย ใช้ผสมกับน้ำร้อนให้ละลาย ใช้ย้อมไม้ให้เป็นสีต่างๆได้ตามความต้องการ
ข. สีฝุ่นชนิดต่างๆ  ใช้ละลายกับน้ำมันแอลกอฮอล์ สามารถย้อมสีไม้ได้ดีกว่าวิธีอื่นมาก ถ้าจะให้มีคุณภาพดีติดไม้ไม่หลุดได้โดยง่าย ใช้ผสมกับชแลค คนให้ละลายและผสมแอลกอฮอล์ให้ใสๆ สามารถย้อมสีไม้ ได้คุณภาพดีมาก

สีที่นิยมย้อมไม้ อาทิ สีโอ๊ค สีประดู่ สีมะเกลือ ซึ่งก็สามารถทำได้โดยการผสมสีฝุ่นชนิดต่างๆเข้าด้วยกัน

การอุดเสี้ยนไม้

ธรรมชาติของไม้ย่อมมีรูเล็กๆ ต่างๆ เกิดขึ้นในเนื้อไม้ทั่วไป ดังนั้นก่อนทำการทาน้ำมันชนิดต่างๆ ควรอุดเสี้ยนไม้ให้หมดเสียก่อน การอุดเสี้ยนไม้เราสามารถทำโดยวิธีง่ายๆ คือ ใช้แป้งหรือดินสอพองผสมกับน้ำ ถ้าจะให้มีคุณภาพดี ควรใช้แป้งเปียกผสมกับน้ำมันสน ถ้าไม่มีน้ำมันสนอาจจะใช้น้ำมันก๊าดก็ได้ การผสมให้เหลวช่วยให้สามารถทาบนเนื้อไม้ได้ง่าย การทาอาจใช้แปรงขนกระต่ายจุ่มหรือจะใช้ผ้าชุบทาก็ได้

วิธีการทาแป้งเพื่ออุดรูบนเนื้อไม้

การทาควรทาในแนวขวางเสี้ยนไม้ โดยกดมือแรงๆให้แป้งอุดเข้าไปในเนื้อไม้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนอุดเสี้ยนทุกครั้ง ควรอุดหัวตะปูให้เรียบร้อยก่อน หรือ ถ้ามีตะปูโผล่ก็ให้ใช้เหล็กส่งตอกลงไปให้เรียบร้อยเสียก่อน หลังจากนั้นใช้ชแลคผสมกับดินสอพองหมาดๆ โดยเทคนิคคือให้อุดโป๊วบริเวณหัวตะปูให้สูงขึนมาพอสมควร เนื่องจากดินสองพองเวลาแห้งมันจะยุบตัว ถ้ามันยุบเยอะก็จะเสียเวลาต้องมาอุดใหม่
หลังจากอุดแล้วก็ปล่อยทิ้งไว้ โดยทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที ให้ดินสอพองหมาดๆ ใช้ผ้าสะอาดถูที่ไม้แรงๆ เพื่อให้ดินสอพองแทรกเข้าไปในรูไม้จนเต็มแน่น ปล่อยทิ้งไว้จนดินสอพองแข็งตัว จึงทำการขัดเรียบอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะขอบไม้ควรทำการตกแต่งให้เรียบร้อย ก่อนที่จะทาน้ำมันชักเงาและทำการตกแต่งด้วยวิธีต่างๆต่อไป


สนับสนุนบทความ เรื่องงานไม้ จากร้าน มูมู่เฟอร์นิเจอร์

วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2559

8 คำพูดที่ไม่ควรพูดกับลูก - คำพูดปิดกั้นพัฒนาการเด็ก


วัยเด็ก คือ วัยแห่งการเรียนรู้ เด็กๆจะถูกปลูกฝังให้เป็นคนช่างสังเกตุ เรียนรู้ และจดจำรายละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งนั่นคือคำพูดของผู้ใหญ่ ดังนั้นคำพูดของคุณพ่อคุณแม่ที่ใช้พูดกับลูกจึงเป็นอะไรที่ต้องระมัดระวังอย่างมาก โดยเฉพาะคำหลายๆที่บางครั้งบางคราว อารมณ์ของคุณพ่อคุณแม่ ที่อาจจะโกรธ เบื่อ รำคาญ และพูดสิ่งต่างๆเหล่านี้กับลูกโดยไม่ได้คิดอะไรมาก แต่คำพูดเหล่านี้เองจะเป็นสิ่งที่ปิดกั้นพัฒนาการของเด็ก เรามาดูกันดีกว่าครับว่ามีคำพูดอะไรบ้าง

1.ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง

ไม่เฉพาะแต่เด็กเท่านั้น แม้แต่กับผู้ใหญ่เองเมื่อเจอคำๆนี้ก็จะรู้สึกกดดัน เสียหน้า เสียความมั่นใจ และ คำๆนี้มักจะมาพร้อมกับอารมณ์โกรธของพ่อแม่ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ ไม่ว่าจะโกรธลูกอย่างไร ก็ไม่ควรจะพูดคำเหล่านี้ออกมา เพราะเมื่อเด็กรับฟังคำเหล่านี้เข้าไป จะทำให้เด็กเป็นเด็กปิดกั้น ไม่อยากทำอะไร ไม่กล้าแสดงออก ในบางรายที่รู้สึกต่อต้านพ่อแม่ ก็จะไม่ทำอะไรเลย ทางที่ดีควรจะใช้คำพูดในแง่บวก หรือ คำแนะนำให้ทำในสิ่งที่อยากให้ทำดีกว่า หรือคำพูดเพื่อเสริมสร้างกำลังใจให้แก่ลูกดีกว่าครับ

2.หุบปาก - อยู่เงียบ ๆ ไป

พ่อแม่ควรจะนึกว่าเด็กคือวัยที่กำลังหัดพูด ได้ยินอะไรก็มักจะพูดตาม เด็กยังไม่มีความรู้ ความเข้าใจในประโยคหรือข้อความที่ได้ยินมา ทีนี้ก็เป็นหน้าที่ของพ่อและแม่ ที่จะต้องช่วยแนะนำให้เด็กพูดในสิ่งที่เหมาะสม นอกจากนี้พ่อแม่ไม่ควรแสดงอาการ "รำคาญ" กับลูกในเวลาที่พวกเขาสงสัยหรือถามพ่อแม่ ถ้าลูกๆถูกสั่งให้เงียบ พวกเขาเหล่านั้นจะกลายเป็นเด็กที่ไม่กล้าถาม ไม่กล้าแสดงออกและเมื่อโตขึ้นไป พวกเด็กๆก็จะไม่ถามในสิ่งที่ตนเองไม่รู้ และจะมีปัญหาในด้านการเรียนหรือในด้านการสื่อสารกับผู้อื่นในอนาคต
3.ต้องมีความเป็นลูกผู้ชาย

สำหรับผู้ใหญ่อาจจะคิดว่าคำๆนี้เหมาะสม แต่ลองคิดสิครับ เด็กไม่สามารถตีความว่า "ลูกผู้ชาย" คืออะไร การจะเป็นลูกผู้ชายนี้ต้องทำอย่างไร ทำให้เด็กเกิดความลังเล สับสนในสิ่งที่ทำ ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้องหรือไม่อย่างไร ดังนั้นถ้าคุณพ่ออยากให้ลูกได้เรียนรู้จักคำว่า ลูกผู้ชาย แล้วหละก็ คงไม่มีอะไรเหมาะสมไปกว่าการเป็นตัวอย่างที่เป็นผู้นำให้แก่ลูกแล้วหละครับ เพื่อให้ลูกเลียนแบบในพฤติกรรมที่เหมาะสมของลูกผู้ชายอย่างคุณพ่อไงครับ

4.ทำแบบนี้เดี๋ยวไม่รักนะ

คำพูดที่เสียดแทงใจลูกนะครับ อย่าไปคิดเองนะครับว่าลูกจะรู้อยู่แล้วว่าพ่อแม่รัก คำพูดเหล่านี้จะบั่นทอนความรู้สึก ความผูกพันของลูกกับพ่อแม่ อยากสอนลูกก็สอนครับ อย่าไปสร้างเงื่อนไขเหล่านี้ รังแต่จะทำลายความสัมพันธ์ของพ่อแม่ลูกเสียเปล่าๆครับ

5.ทำไมน่ารำคาญอย่างนี้
คำพูดนี้ก็มักจะมาพร้อมอารมณ์โกรธ การที่ลูกทำสิ่งใดให้พ่อแม่ไม่พอใจ สิ่งที่ควรจะโต้ตอบลูกควรเป็นการสอนในสิ่งที่เขาควรทำและสิ่งที่เขาไม่ควรทำ ไม่ควรใช้คำพูดแง่ลบอย่างคำว่าน่ารำคาญ เพราะคำพูดนี้จะทำให้เด็กเป็นเด็กไม่กล้าแสดงออก และเด็กๆก็จะรู้สึกไม่มั่นใจว่าพ่อแม่ยังรักเขาอยู่หรือเปล่า เด็กควรจะมีความมั่นคงทางจิตใจซึ่งจะได้รับมาจากการสนับสนุน เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ มิใช่การบั่นทอนจากคำพูดเหล่านี้นะครับ

6.ทำไมไม่ได้เหมือนลูกคนอื่นๆ

ไม่มีประโยชน์ครับที่จะใช้การเปรียบเทียบ การเปรียบเทียบไม่ว่าจะกับใครมีแต่จะทำให้ลูกเสียความมั่นใจ ขาดความมั่นใจ สำหรับตัวเด็กแล้วความมั่นใจจะค่อนข้างจะน้อยกว่าผู้ใหญ่ สำหรับผู้ใหญ่ถ้าโดนเปรียบเทียบอาจจะฮึดสู้บ้าง แต่สำหรับเด็กอาจจะยอมแพ้ และกลายเป็นเด็กขาดความเชื่อมั่นแทนครับก ลูก ลูก ลูก 
7.อย่าทำแบบนี้เดี๋ยวตำรวจจับ

การขู่ด้วยการหลอก เช่น การขู่ด้วยผี การขู่ด้วยตำรวจ การขู่ทั้งหลายเหล่านี้ เป็นการใช้คำพูดเพื่อสื่อออกมาว่า เมื่อทำแบบนี้แล้วจะเกิดผลอะไรตามมาบ้าง ซึ่งในทางเป็นจริงแล้วมันเป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล ซึ่งการขู่เหล่านี้จะสร้างตรรกะที่ทำให้เด็กขาดการเรียนรู้แบบเป็นเหตุเป็นผล และเมื่อโตขึ้นอาจจะกลายเป็นเด็กที่ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ เพราะจะเข้าใจว่าสิ่งที่พ่อแม่พูดไม่ใช่เรื่องจริง

8.ล้อเลียนเรื่องน่าอาย หรือ ปมด้อย

การล้อเลียนเรื่องน่าอับอายหรือปมด้อยของเด็ก จะทำให้เกิดปมฝังในใจของเด็ก บางรายอาจจะจดจำตลอดไปเลยก็มี ซึ่งปมเหล่านี้จะส่งผลที่ไม่ดีต่อพัฒนาการของเด็ก ดังนั้นถึงพ่อแม่จะรับรู้สิ่งเหล่านี้ ก็ไม่ควรจะนำมาล้อเล่นกับลูก


ลูก ลูจะร

วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2559

วิธีขจัดสนิมบนราวเหล็กชุบโครเมี่ยม

วิธีขจัดสนิมบนราวเหล็กชุบโครเมี่ยม :

อุปกรณ์ที่ต้องใช้สำหรับการขจัดสนิม
1.) แผ่นใยขัด / สก๊อตไบร์ อันละ 10 บาท
2.) น้ำมันจักร ซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์เครื่องมือช่าง/โฮมโปร
ขวดจะเล็กๆสีขาว ราคาโดยทั่วไปเริ่มแค่ประมาณ 30-60 บาทเท่านั้นเอง..ยี่ห้อซิงเกอร์ก็ได้ครับ
3.) ผ้าสะอาดเล็กๆ 1 ผืน

ขั้นตอนในการขจัดสนิม
1.) นำน้ำมันจักรหยดลงบนแผ่นใยขัดประมาณ 3-4 หยด ไม่ต้องชุ่มมากนัก
2.) ขัดลงบนผิวที่เป็นสนิมเหล็ก..ไม่ต้องออกแรงมากมายนัก..สนิมก็จะค่อยๆหลุดออก...น้ำมันก็จะไปเคลือบบนผิวเหล็กแทนที่..จะทำซ้ำอีกครั้งก็ได้ครับ
3.) เช็ดออกด้วยผ้าแห้ง..แต่ไม่ต้องเช็ดกันจนแห้งเลยนะครับ..ให้มีน้ำมันเคลือบไว้บ้าง...ยกเว้นบริเวณที่จะต้องสัมผัสกับเสื้อผ้าก็คงต้องเช็ดออกเพื่อไม่ให้ติดเสื้อผ้า

วิธีนี้ใช้สำหรับการขจัดสนิม ที่ไม่ได้เยอะมากจนเกินไปครับ


อีกวิธีนึงคือ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถทาทับสนิมได้เลย

ตัวอย่าง
ทีโอเอ รัสท์ ชิลด์ เป็นสีรองพื้นกันสนิม อิพ็อกซี่ 1 ส่วน เหมาะสำหรับงานซ่อมบำรุงและงานป้องกันสนิมโครงสร้างเหล็กที่ต้องการความทนทานต่อสภาวะแวดล้อมทุกประเภท ใช้งานง่าย สะดวก แห้งไว สำหรับเหล็กเก่าสามารถทาทับเหล็กที่ไม่สามารถขจัดสนิม หรือ ลอกฟิล์มสีเก่าออกได้หมด
เกรดสี: Ultra Premium

ชนิดของฟิล์มสี: สีเทาด้าน

คุณสมบัติ

  • ทาทับสนิมได้ หรือทาทับผิวเหล็กและโลหะได้ทุกชนิด ในกรณีที่ไม่สามารถขจัดสนิมออกได้หมด พื้นผิวเหล็กเริ่มเป็นสนิม ในขณะที่สีรองพื้นกันสนิมทั่วไปไม่สามารถทำได้
  • แห้งไว ลดระยะเวลาทำงานด้วยคุณสมบัติของสีอิพ็อกซี่โมดิฟายด์จึงทำให้ สีรองพื้นกันสนิม TOA Rust Shield มีความสามารถในการแห้งตัวทาสีทับหน้าได้เพียง 2 ชั่่วโมง แห้งเร็ว กว่าสีรองพื้นกันสนิมทั่วไปถึง 4 เท่า
  • สามารถใช้คู่กับสีทับหน้าได้ทุกประเภท ในขณะที่สีรองพื้นสนิมทั่วไปสามารถใช้คู่กับสีทับหน้าประเภทสีน้ำมันเท่านั้น

การใช้งาน

ทีโอเอ รัสท์ ชิลด์ เป็นสีรองพื้นกันสนิมโครงสร้างเหล็ก ใช้งานง่ายสะดวก แห้งเร็ว เหมาะสมกับพื้นผิวเหล็ก, อลูมิเนียม และกัลวาไนซ์ และยังสามารถทาทับผิวเหล็กที่ไม่สามารถขจิดสนิม หรือลอกฟิล์มสีเก่าออกได้หมด เหมาะสำหรับงานซ่อมบำรุง และงานสำหรับป้องกันสนิมทุกประเภท

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2558

วันขอลูกศาลเจ้าพ่อเสือเสาชิงช้า - วันไหว้สิงโต (จับโหงวแม้)

วันไหว้สิงโต (จับโหงวแม้)
การขอบุตรนั้น ครอบครัวชาวจีนที่ยังไม่มีลูก ต้องการอยากมีมาก ๆ ก็จะไปขอลูกที่ "ตั่วเล่าเอี๊ย" หรือศาลเจ้าพ่อเสือในคืนวันที่ 15 ค่ำ เดือน 1 (ตามปฏิทินจีน) ชาวจีนเรียกพิธีนี้ว่า "จับโหงวแม้" (แปลว่า "คืนวันที่ ๑๕ ค่ำ")

ปฏิทินจีน ปี 2558 ตรงกับวันที่ 5 มีนาคม 2558
ปฏิทินจีน ปี 2559 ตรงกับวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2559
ปฏิทินจีน ปี 2560 ตรงกับวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2560

โดยวันที่เป็นฤกษ์นั้น ทางศาลเจ้าพ่อเสือเปิดให้ไหว้ ตั้งแต่ 06.00-24.00น.
ภาษาจีนจะเรียกกันว่าวัน หงวนเซียวบ้าง จับโหง้วแม้บ้าง (ปฏิทินจีนก็เห็นระบุว่า ไหว้เทศกาลชาวนา, วันจับโหงว)  วันจับโหงแม้นี้ หมายถึง คืนที่พระจันทร์เต็มดวงครั้งแรกในรอบปีหลังผ่านพ้นวันตรุษจีน ตรงกับวันที่ 15 เดือนอ้ายในปฏิทินจันทรคติจีน เป็นวันที่เชื่อกันว่าไม่ว่าจะขอพรใดๆ องค์เทพเจ้าและสวรรค์ก็เมตตาให้สำเร็จสมหวัง ไม่ว่าจะเป็นการขอลูก ขอพรเรื่องการค้าขาย การเงิน การงาน และสุขภาพ

โดยมีคนสนใจเรื่องการไหว้ขอพรกันเป็นจำนวนมาก ทางเพจจึงขอนำคำถามที่มีผู้ถามกันเข้ามาเยอะๆมานำเสนอครับ

ถาม: เตรียมของไหว้ยังไงต้องมีอะไรพิเศษหรือไม่

ตอบ: ทางศาลเจ้าจะมีธูปเทียน กระดาษไหว้ ชุดปัดตัวปีชง น้ำมันเติมตะเกียงจำหน่ายเพื่ออำนวยความสะดวก แต่ไม่ว่าท่านจะมาหาเอาที่ศาลหรือเตรียมมาจากบ้าน หรือจากที่ไหนได้ทั้งนั้นเลยครับตามสะดวก ในวันดังกล่าวลูกศิษย์ทั้งหลายจะมาเพื่อขอบูชาสิงโตน้ำตาล เจดีย์น้ำตาล สิงโตถั่ว แล้วแต่จะต้องการขอพรเรื่องไหน ก็สามารถบูชาได้จากทางศาลเจ้าเช่นเดียวกัน แต่ถ้าสิ่งที่ทางศาลเจ้าไม่มี แล้วถ้าท่านอยากมาไหว้เพิ่ม เช่น หมูสามชั้น ไข่ไก่ และพวงมาลัย สามารถจัดหามากันเอง (ส่วนส้มมงคลนั้น ทางศาลเจ้ามีจำหน่ายด้านใน บริเวณที่ให้เช่าสิงโตน้ำตาลเป็นกรณีพิเศษ เฉพาะวันไหว้สิงโตสองวันนี้เท่านั้น)

ถาม: สิงโตถั่วกับสิงโตน้ำตาล ต่างกันอย่างไร

ตอบ: อันนี้เป็นข้อมูลความเชื่อหลายอายุคนจากผู้ที่ดูแลศาลเจ้านะครับ อ่านแล้วพิจารณาตามได้ สิงโตถั่วทำมาจากธัญญาพืชซึ่งหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ เจริญงอกงาม แตกกิ่งก้านสาขา คนจีนเรานั้นทำอะไรแฝงด้วยความหมายเสมอ การไหว้ขอลูก ทางศาลเจ้าจึงแนะนำให้ใช้สิงโตถั่ว ส่วนสิงโตน้ำตาลใช้ขอพรเรื่องการงาน การค้า อำนาจ บารมี และบริวาร (สามารถใช้ขอลูกได้เช่นกัน แต่สิงโตถั่วจะให้ความหมายที่ดีกว่า สามารถเลือกเพศได้ และเห็นผลมากกว่า) ทั้งสิงโตน้ำตาลและสิงโตถั่วเช่าเป็นคู่ครับ ใครจะว่าเหมือนหรือต่างกันอย่างไรไม่ทราบ ที่แนะนำไป แนะนำจากความเชื่อของคนในศาลโดยตรง จากที่สังเกตุมาหลายปี ยังไม่เคยเห็นลูกศิษย์ท่านไหนที่มาขอการค้าเช่าสิงโตถั่วครับ แต่สิงโตน้ำตาลเนี่ยมันมาเหมือนกันครับ แค่ข้อสองข้อนี้ คงพอตัดสินใจกันได้นะครับว่าสะดวกแบบไหน แต่แอดมินเชื่อมากๆว่า ขอเพียงท่านมาด้วยใจศรัทธา มาด้วยสติ เชื่อว่าวันดีๆเช่นนี้ ความพยายามของทุกท่านตัองสำเร็จผล
สิงโตถั่วตัด ขนาดตัวละ 10ชั่ง(หรือ 6 กิโลกรัม) ราคา คู่ละ 2,700 บาท
ภาพประกอบจากร้าน ร้านขนมเปี๊ยะง่วนฮะเซ้ง (facebook)
เจดีย์น้ำตาล

 ถาม: ขอลูกนั้นขอได้วันเดียวหรือไม่

ตอบ: หงวนเซียว หรือ จับโหงวแม้ คือ คืนที่พระจันทร์เต็มดวงครั้งแรกในรอบปีหลังผ่านพ้นตรุษจีน ตรงกับวันที่ 15 เดือนอ้ายในปฏิทินจันทรคติจีน เป็นวันที่เชื่อกันว่าไม่ว่าจะขอพรใดๆ องค์เทพเจ้าและสวรรค์ก็เมตตาให้คนที่ศรัธธาสำเร็จสมหวัง ซึ่งมีเพียงวันเดียวในรอบหนึ่งปีเท่านั้น จึงขอสรุปว่า วันอื่นๆสามารถมาขอพร ขอลูกได้ครับ แต่วันจับโหงวแม้ เป็นวันที่มีฤกษ์ดีที่สุด และตรงกับความเชื่อตั้งแต่โบราณ ทำให้มีโอกาสสำเร็จมากที่สุด และเป็นวันเดียวที่มีการไหว้สิงโตน้ำตาล สิงโตถั่ว และเจดีย์น้ำตาล

ถาม:สิงโตต้องขโมยไหม ส้มขโมย ไหมถึงจะสำเร็จ

ตอบ: ลัทธิเต๋าและศาสนาพุทธนั้น มีคำสอนสอดคล้องกลมกลืนกันมานาน นั่นคือการขโมยถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นการผิดศีลข้อสองไม่แนะนำครับ(ผิดกฏหมายด้วย) ลองคิดกันดูนะครับลูกที่ได้จากการขโมยเนี่ยจะเป็นคนแบบไหน และหากส้มที่ขโมยมาเป็นส้มของคนปีชง คนมีเคราะห์นำมาสะเดาะเคราะห์ ส้มขอพรเรื่องป่วยไข้ ซึ่งคุณไม่ทราบแน่ว่าส้ม หรือสิงโตที่วางอยู่เค้าอธิษฐานไว้อย่างไร ตอนหยิบมันง่ายครับแต่ต้องมานั่งแก้ภายหลังมันไม่ง่ายนะครับ แล้วคำว่าขโมยนี่มันจากไหน มันเป็นคำพูดแก้เคล็ดครับ ความจริงไม่ใช่การขโมยแต่คนไม่รู้ได้ยินมาก็นำมาเล่าต่อ สอนต่อกันไป อันนี้ยกตัวอย่างจากผู้รู้นะครับ

คติความเชื่อ

" ในการ ขอทุน (เงินขวัญถุง) ,การขอลูกโดยจะไป ขอเงินขวัญถุง

(คนรุ่นเก่าใช้คำว่ายืม) หรือไปขอลูกโดยไปบูชา(สมัยก่อนใช้คำว่า"ขโมย"เป็นเคล็ด)


ตัวอย่างข้อความที่ยกมาเห็นได้ว่าคำว่า "ยืม" หรือ " ขโมย" เป็นคำที่เป็นเคล็ดเท่านั้น ไม่ได้ทำจริงๆ

สิ่งที่ทางแอดมิน และเจ้าหน้าที่ศาลเจ้าอยากฝากไว้นะครับ: การมาไหว้ขอพรการค้า หน้าที่การงาน หรือการขอลูก นอกจากการมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว ทุกๆท่านพึงกระทำความดี ละเว้นความชั่ว หมั่นสร้างบุญกุศลอยู่สม่ำเสมอด้วย อย่างการขอลูกนั้น เด็กที่มาเกิดโดยการไหว้ขอพรจากเทพเจ้า อย่างตั่วเหล่าเอี้ยกงหรือเทพองค์อื่นๆ ล้วนมาจากที่สูงทั้งสิ้น ถ้าเค้าเห็นว่าพ่อแม่ ครอบครัวที่เค้าจะลงมาเกิดด้วย ไม่สร้างความดีเลย เอาแต่สร้างกรรมชั่ว เด็กๆเหล่านี้ก็คงจะไม่เลือกที่จะมาเกิดด้วยแน่นอน แต่ในทางกลับกัน ถ้าเค้าพบเห็นว่าพ่อแม่สร้างแต่กรรมดี สร้างบุญกุศล ขยันหมั่นเพียรในหน้าที่การงาน เด็กๆเหล่านี้ย่อมอยากลงมาเกิดในครอบครัวนี้แน่นอน

สุดท้ายที่สำคัญนะครับเราไม่ควรขออย่างเดียวเราต้องปฎิบัติเองด้วย เหมือนเช่นคำสอนของเจ้าประคุณ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) " บุญเราไม่เคยสร้างใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า
ลูกเอ๋ย ก่อนจะไปเที่ยวขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเอง คือบารมีของตนลงทุนไปก่อน เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอ จึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะหนี้สินบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมมาจนพ้นตัวเมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีมา ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด ไม่มีอะไรเหลือติดตัว แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า หมั่นสร้างบารมีไว้ แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง...
จงจำไว้นะ.. เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้... ครั้นถึงเวลา ทั่วฟ้าจบดิน ก็ต้านเจ้าไม่อยู่ จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดินเมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า... "
นี่คือ คำเทศนา ของเจ้าประคุณ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

คัดลอกมาจาก facebook page ศาลเจ้าพ่อเสือ มีการแก้ไขคำเล็กน้อย